รีวิว จับประเด็น TedX Chiangmai 2019

จบไปอีกครั้ง กับ TedX original version ของบ้านเรา ปีนี้มาให้ ธีม Shake&Shift… through the eyes of women กับ speakers ทั้งสิ้น 19 ชีวิต จัดในสถานที่แห่งใหม่ Northern Science Park อันมีความกว้างขวางและเป็นสัดส่วน

ผมขอเล่า topic ตามที่ผมสามารถจับประเด็นได้ ซึ่งอาจจะไม่เกี่ยวกับการจัดลำดับ speaker แต่อย่างใด เรามาดูว่าประเด็นที่ถูกพูดถึงในคราวนี้ มีเรื่องอะไรที่น่าสนใจบ้าง ลองมาดูกันครับ

พลวัตรของสังคม – Social Movement & Localization

ในเรื่องทางสังคม ประเด็นแรกที่ขาดไม่ได้กับเมืองเชียงใหม่ไปแล้วตอนนี้คือเรื่อง “อากาศ”โดยทอล์คของอาจารย์บัณรส พี่ยังเน้นย้ำเรื่องจิตสำนึกของคนเมืองที่เริ่มจากจุดย่อยๆ ในเรื่องการลดกิจกรรมการทำให้เกิดควัน ไม่ใช่มัวแต่การจ้องการเผาป่าเป็นที่ตั้ง

นอกจากนี้มีเรื่องของ “สังคมสูงวัย” ที่ถูกหยิบยกมาทั้งในเรื่องของการเผื่อแผ่ความเสมอภาคในการดูแลซึ่งกันและกัน ผ่านโครงการ “บัดดี้โฮมแคร์” ของอาจารย์สว่าง ที่นอกจากจะมีการสร้างสังคมดูแลผู้สูงอายุสำหรับผู้ที่พอมีกำลัง และราย โดยใช้คนในพื้นที่ เพื่อให้สามารถนำความรู้นั้นกลับไปใช้ในชุมชน และนอกจากนี้รายได้ส่วนหนึ่ง ยังเผื่อแผ่ไปถึงผู้สูงอายุที่ไม่มีกำลังทรัพย์อีกด้วย ส่วนของอาจารย์วิว อันธิกา ได้กล่าวถึงเรื่อง inclusive design ที่การออกแบบเมืองนั้นจะต้องดึงทุกภาคส่วนเพื่อให้เมืองสามารถใช้ร่วมกันได้อย่างมีความสุข รวมไปถึงสำนึกสาธารณะที่ต้องสร้างร่วมกัน เช่น กรณีมอเตอร์ไซค์ที่มาเบียดบังทางเท้า

ในมิติมีเรื่องวัฒนธรรม ได้มีการหยิบยก “เทศกาลสงกรานต์”โดยอาจารย์พลอยศรี ได้กล่าวขยายความว่าในเทศกาล นั้นประกอบไปด้วยพิธีกรรมและการละเล่น ซึ่งการละเล่นนี้เองที่ถือว่าเป็น Equalness หรือการสร้างการหลอมรวมสังคมให้เท่าเทียมกัน เป็นการชั่วคราว โดยอาศัยความสนุกเป็นจุดเชื่อมโยงที่ทำให้ทุกคนมีความเท่าเทียมกันไม่ว่าจะชนชั้นปกครองหรือชนชั้นผู้ถูกปกครอง และใน session คุณ Silver สาวจากพื้นที่ชาวเขาได้กล่าวถึง การนำศิลปะพื้นถิ่นมาออกแบบใหม่ให้เป็นเสื้อผ้าและผลิตภัณฑ์ที่ให้กับชุมชนและทำให้คุณค่าของศิลปะพื้นบ้านออกมาสู่คนภายนอกและยังคงสร้างความภาคภูมิใจให้กับคนในพื้นที่ด้วย แถมด้วยทอล์คในประเด็นเผ็ดร้อนอย่างเรื่อง “กัญชา” ที่ทำให้เกิดการมองในหลายมิติมากขึ้นแต่ที่สำคัญคือการทำให้มันเป็นเรื่องที่ถูกภายใต้กรอบของกฎหมายเพื่อให้สามารถพัฒนาไปได้กว้างขึ้น และเน้นย้ำเรื่องประโยชน์ที่ไม่ควรอยู่กับกลุ่มคนใดเฉพาะ

ไทยเทค Tech by Thais

ดีใจที่ทอล์คคราวนี้ได้ฟังความเก่งของคนไทย ในการพัฒนาเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง ไม่ใช่เป็นเพียง technology adapter อีกต่อไป เรามีสองทอล์คจากสองสาวเก่งที่พูดกับเรื่องนี้ ทอล์คแรกคือ “ความก้าวหน้ากับการใช้โดรนสามมิติ” สแกนตึกและอาคาร เพื่อลดต้นทุนจากค่าอินสเป็คชั่น และการสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมตามช่วงเวลาได้ โดยนักธุรกิจหญิงของไทย คุณนัตวิไลจากความไม่รู้เลยเดินทางทุกอย่างเต็มสูบ เพราะไม่รู้ก้อไม่รู้ว่าต้องกลัวอะไร

และอีกหนึ่งทอล์ค โดย ดร. สรชา ในการใช้ นาโนเทคโนโลยีเพื่อแก้ไขปัญหาการเจ็บปวดจากการคีโม ของโรคมะเร็งในการนำยาเข้าไปสู่พื้นที่เฉพาะจุดที่ต้องการรักษาเพื่อลดผลกระทบข้างเคียงของผู้ป่วยอันเกิดจากแรงบันดาลใจจากคนในครอบครัว

เศรษฐกิจสายกลางเพื่อโลกที่ดีขึ้น non mainstream for better world

หัวข้อนี้กลายเป็น topic ใหญ่ของคราวนี้ก็ว่าได้ มี speaker หลายท่านที่พูดในประเด็นนี้ในมิติต่างๆ เช่นการดูแลโลกด้วยการลด การใช้พลาสติกซึ่งมีผลกระทบที่เราคาดไม่ถึงจากขยะในลำน้ำ จนไปถึงขั้วโลก ที่สร้างผลกระทบ กับระบบนิเวศน์ ที่สุดท้าย ขยะพลาสติกกลายเป็น ไมโครพลาสติก ในสัตว์น้ำทั่ว และเราก็บริโภค รับผลกรรมนั้นกลับคืน จากทอล์คของ ดร.สุชนา นอกจากนี้ยังมีประเด็นชวนคิดในทอล์คสุดท้ายของงานที่ช่วยให้เราตระหนักถึงความจำเป็นในการลดการใช้ไฟฟ้า ว่าเราควรลดปริมาณการใช้มากกว่าการหาอุปสงค์เพิ่มเติมเพราะการหาเพิ่ม ยิ่งเป็นการเบียดเบียนคนอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเราอาจนึกไม่ถึง

ยังมี อาร์ตฟอโซเชียล โดยศิลปินหญิงกวีตา ที่สะท้อนให้เห็นว่าการยิ่งบริโภคทำให้ต้องการการผลิต และการผลิตยิ่งต้องการการลดต้นทุน และการลดต้นทุนก็มีคนกลุ่มหนึ่งโดนเอาเปรียบ โดยยกตัวอย่างกรณีตึกคนงานถล่มที่บังคลาเทศ

นอกจากนี้ยังมีการเน้นย้ำให้เราหันกลับมาย้อนมองความสุขในโลก อนาล็อก เช่น “การอ่านหนังสือ” อีกครั้ง โดยถือเป็น 2 ทอล์คที่ได้รับเสียงปรบมือดังที่สุด ทอล์คแรกโดย จิดานันท์ นักเขียนรางวัลซีไรท์ที่อายุน้อยที่สุดที่กล่าวถึงงานเขียนไว้ว่า เพราะไม่ว่าโลกจะหมุนไปแค่ไหน งานเขียนก็มีเปลี่ยนไปตามผู้อ่านโดยมีความเฉพาะทางมากขึ้น มีงานเขียนบางกลุ่มเกิดในแนวใหม่ เช่น มูฟวี่ 2 บุ๊ค, คำคมขนาดสั้น หรือนิยายวาย มันอาจจะไม่ได้รู้จักแบบวรรณกรรมแห่งปีเหมือนสมัยก่อน แต่กลุ่มผู้อ่านก็มีความเฉพาะตัวมากขึ้น รวมถึงทอล์คในเรื่องการชนะความอ่อนแอของ คุณโยชิมิ คนตาบอดชาวญี่ปุ่น ที่มุ่งมั่นด้วยความสุขในทำห้องสมุดเคลื่อนที่ให้กับสังคมเมืองเชียงใหม่ ที่ใช้ใจนำทางแทนสายตา

นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องจริยธรรมการสร้างและพัฒนา ai ในอนาคตว่า ai ไม่สามารถทำแบบ rule base ได้อีกต่อไปเพราะในโลกปัจจุบันไม่ได้มีอะไรถูกผิดในทุกๆสถานการณ์ที่เหมือนกันแต่เป็นบริบทของเหตุการณ์นั้นที่ เป็นตัวกำหนดผลลัพธ์ที่จะออกมาดังนั้นการพัฒนาอาจต้องไปทำ Machine learning มากขึ้น โดย ดร. เดอ ไค

และยังมีทอล์ก ของ ดร. จิตติพร นักวิทยาศาสตร์ที่ต้องการบอกว่าการพัฒนานวัตกรรมจำเป็นต้องใช้สมองซีกขวาที่ทำงานในเรื่องความคิดอารมณ์และการเข้าใจผู้ใช้ เพื่อให้นวัตกรรมของนวัตกรรมได้ออกมาใช้ได้จริงไม่ได้อยู่ในเพียงตำรา เพราะทุกวันนี้ มีนวัตกรรมหลุดรอดใาเพีง 4% ที่ใช้งานได้จริง ผ่านตัวอย่างการพัฒนาไบโอพลาสติกเพื่อนำไปใช้ในการเกษตร

เพราะฉันคือผู้หญิง the eye of women

ถือเป็น main topic ของการทอล์คครั้งนี้ซึ่งมีการแทรกอยู่ใน ทอล์คต่างๆ ในการมุมมองของผู้หญิงต่อเรื่องนั้นอย่างไร และยังมีอยู่สี่ทอล์คที่พูดถึงบทบาทของผู้หญิงในสังคม ทอล์คนึงคือทอล์คของคุณ แคทรียาหญิงผู้เป็นนักกีฬาปีนเขาที่ช่วยพัฒนาบุคลากร ให้คนเข้าถึงกีฬาชนิดนี้ได้มากขึ้น มีคุณอรนุชจาก techsauce พูดถึงผู้หญิงในกลุ่มเทคสตาร์ทอัพว่า มีส่วนช่วยในการบาลานซ์และสร้างสมดุลย์ในการทำธุรกิจได้อย่างดี นอกเหนือจากที่ ceo ผู้ชายมีบทบาทมากอยู่ในธุรกิจนี้ในปัจจุบัน มีคุณนาร์ดีนและลูกเกดเมทินีที่พูดถึงคุณค่าในตัวเองของผู้หญิง ว่าเราต่างหากคือผู้ที่ตีตราตนเอง self stigma ดูถูกตัวเอง และการแก้ไขที่ดีที่สุดคือการทำให้ตัวเองหลุดพ้นจากความคิดนั้น

นี่เป็นเพียงข้อสรุปเฉพาะ ที่ผู้เขียนเห็นอาจจะนำมาเป็นแนวทางในการให้ทุกท่านเลือกฟังทอล์คที่ท่านชอบได้ต่อไป

สิ่งหนึ่งที่ขัดใจในงานครั้งนี้คือการนำ cover dance เกาหลีมาในช่วง refresh ต้องบอกได้ว่าน้องมีทักษะในการเต้นไม่แย่เลย เพียงแต่มันอยู่ผิดที่ผิดทาง หาความเชื่อมโยงกับงานทอล์คครั้งนี้ยากไปสักหน่อย เป็นสิ่งเดียวที่รู้สึกแปลกปลอมมาก

ที่เหลือ งานในครั้งนี้ประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี ไม่แค่เพียงเรื่องของสถานที่ แต่ยังเป็นเรื่องของ “ใจของอาสาสมัคร” ที่มาร่วมสร้างให้งานนี้สมบูรณ์แบบมากขึ้น เรื่องของอาหารการกินที่ผู้จัดมีความเป็นกังวลถือได้ว่าจัดการได้อย่างเยี่ยมยอด ทุกคนอิ่มเอมกันไปทั้งร่างกาย และจิตวิญญาณ

Leave a comment